Tuesday, December 09, 2008

นวัตกรรมของผู้หญิง กับการเปลี่ยนโลก

ผู้หญิง หลายๆ คนอาจนึกถึงผู้หญิงที่มีความอบอุ่น ความอ่อนโยนของเพศแม่ที่คอยเฝ้าประคบประหงมให้น้ำนมและดูแลเลี้ยงดูลูกน้อย แต่ขณะเดียวกัน ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็เป็นผู้สร้างนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆ จากการรู้จักสังเกต การแก้ปัญหา และดัดแปลงขึ้นมา ส่งผลให้โลกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

ย้อนรอยเส้นทางสายไหมจากราชินีผู้ช่างสังเกต
ผู้หญิง เป็นเพศที่ช่างสังเกตในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่รอบตัว และสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งความช่างคิด ช่างสังเกต ทำให้เปลี่ยนโลกได้ ดังเช่น พระมเหสีเมืองจีนที่มีสิริโฉมงดงาม และมีพระสติปัญญาแหลมคม ด้วยทรงคิดค้นการประดิษฐ์ผ้าไหม จนตราบเท่าทุกวันนี้ ผ้าไหมยังได้รับความนิยมเสมอมา และเป็นสินค้าส่งออกของหลายประเทศ
จากประวัติศาสตร์จีนที่บันทึกไว้ว่า เมื่อราว 5,000 ปีที่แล้ว พระนางง่วนฮุย พระมเหสีเมืองจีนได้เสด็จออกชมสวน และสังเกตวามีตัวหนอนหลายตัวที่เกาะอยู่บนต้นหม่อนกำลังชักใยพันรอบตัว พระนางจึงดึงเส้นใยออกมา ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นเส้นใยคุณภาพดีที่มีความเหนียว และประกายเงางดงาม จึงทรงเลี้ยงตัวหนอนไหม และนำเส้นใยมาถักทอเป็นผืน
ผ้าไหมดังกล่าว เป็นที่เลื่องลือถึงความงดงาม และไม่มีใครทราบถึงที่มาของผ้าผืนดังกล่าวว่ามีเส้นใยมาจากอะไร และถักทออย่างไร ความลับของการทอผ้าไหมถูกเก็บนานหลายร้อยปีกว่าจะแพร่กระจายสู่นานาประเทศ พระมเหสีง่วนฮุยทรงได้รับฉายาว่า นางพญาแห่งหัตถกรรมไหม

ปฏิวัติชุดชั้นใน ... จากนักธุรกิจสาวหัวใส
ใครจะเข้าใจผู้หญิงได้ดีเท่าผู้หญิง พิสูจน์ได้จากวิวัฒนาการของชุดชั้นในสตรีของประเทศในแถบตะวันตกเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว ที่มีความยุ่งยาก และไม่สะดวกในการสวมใส่ ต้องประกอบไปด้วยเครื่องยกทรง เครื่องรัดเอวและสะโพก เครื่องรัดทรง สายโยงกางเกง ซึ่งยุ่งยากมาก แต่ในปี ค.ศ. 1920 ชุดชั้นในผู้หญิงได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อนักธุรกิจสาว 2 คนที่ทำธุรกิจเสื้อผ้าชื่อว่า ไอดา โรเซนธาล และเอนิด บิสเซต ได้สร้างยกทรงโดยการออกแบบที่คำนึงถึงโครงสร้างอย่างป็นธรรมชาติของมนุษย์ และความสะดวกสบาย จึงได้ชุดชั้นในที่สวมใส่สบาย และเหมาะกับผู้หญิงอย่างแท้จริง มีความสวยงาม และไม่แบนเรียบ เหมาะกับสรีระของผู้หญิง


รักนี้ไม่เปียกจากแม่บ้าน ผู้รู้จักดัดแปลง
สมัยก่อน คุณแม่จะใช้ผ้าฝ่าย หรือผ้าลินินพับเป็นผ้าอ้อมให้เด็ก ซึ่งไม่ค่อยสะดวกสบาย เมื่อลูกน้อยปัสสาวะก็ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ แต่ในปี ค.ศ. 1946 มีแม่บ้านชาวอเมริกันนามว่า มาเรียน โดโนแวน ได้คิดค้น และประดิษฐ์สิ่งที่เธอเรียกว่า "โบทเตอร์" (Boater) โดยการดัดแผ่นพลาสติกจากม่านห้องน้ำมาเย็บคลุมผ้าอ้อมผ้า ทำให้ผ้าอ้อมมีสมบัติในการกันน้ำได้ และในการตรึงผ้าอ้อมให้อยู่กับตัวเด็ก เธอก็ได้ทำเป็นกระดุมติดแทนการใช้เข็มกลัดแบบเดิม เธอได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับการทำผ้าอ้อมกันน้ำนี้ไว้ถึง 4 ฉบับ และต่อมาได้มีการพัฒนาเป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่สามารถดูดซับของเหลวได้ปริมาณมาก และไม่ชื้นแฉะ ถูกใจทั้งคุณพ่อคุณแม่ และลูกน้อย ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจึงเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก

คิดค้นน้ำยาป้ายคำผิด ... อย่างเลขาฯ มืออาชีพ
เรื่องนี้ได้สอนว่า ปัญหาได้นำมาซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆ หากรู้จักแก้ไขดัดแปลง เช่น นางเบ็ต เนสมิธ เกรแฮม เลขานุการที่ได้รับมอบหมายให้พิมพ์งานตลอดเวลา และเวลาที่เธอต้องเจอกับปัญหาการพิมพ์ผิด แม้ใช้ยางลบดินสอเป็นตัวช่วยลบแล้ว แต่ก็ล่าช้าและไม่เรียบร้อย จึงต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่บ่อยๆ เธอจึงหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการประดิษฐ์น้ำยาลบคำผิดขึ้นมา จนกระทั่งในปี 1950 เธอก็ค้นพบวิธีทำน้ำยาลบหมึกแบบง่าย เพียงใช้สีน้ำสีขาวบรรจุลงไปในขวดน้ำยาทาเล็บ แล้วใช้พู่กันป้ายสีขาวลงบนกระดาษ แค่นี้คำที่ผิดก็ลบไป และพิมพ์ซ้ำทับได้แนบเนียน ทำให้ใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว และแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือจุดกำเนิดน้ำยาป้ายคำผิด "ลิควิด เปเปอร์"
มีการบอกต่อถึงสรรพคุณของน้ำยาป้ายคำผิดจนเป็นที่ต้องการของหลายคน นางเกรแฮมจึงผลิตออกจำหน่ายด้วยการผสมสีขาวลงในเครื่องปั่นน้ำยาก่อนกรอกใส่ขวดยาทาเล็บ เมื่อแรกเริ่มยังเป็นเพียงอุตสาหกรรมในครอบครัว แต่เมื่อพบว่าเป็นที่นิยมชมชอบมาก จึงขยายกิจการน้ำยาป้ายคำผิดออกจำหน่ายไปทั่วโลก และต่อมาเธอได้ขายกิจการดังกล่าวให้บริษัท ยิลเล็ต (Gillette) ในที่สุด

กำเนิดตุ๊กตาบาร์บี้ ... แม่ผู้สร้างสรรค์เพื่อลูก
ความรักและเอาใจใส่ในบุคคลรอบข้าง ทำให้ผู้หญิงมีไอเดียอยากจะพัฒนาสิ่งใหม่ให้ดีกว่าเดิม ดังเห็นได้จาก นางรูธ แฮนด์เลอร์ ได้สังเกตเห็นว่า ลูกสาวของตนที่ชื่อ บาร์บาร่า นั่งเล่นตุ๊กตากระดาษ จึงมีความคิดสร้างสรรค์ที่จะพัฒนาตุ๊กตาทรง 3 มิติที่เปลี่ยนชุดได้ตามที่ลูกต้องการขึ้นมา จนกระทั่งคุณแม่ชาวอเมริกาผู้นี้ได้มีโอกาสเดินทางไปพักผ่อนที่สวิตเซอร์แลนด์ และไปเห็นตุ๊กตาตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า ลิลลี่ มีลักษณะเป็นรูปทรง 3 มิติ ตรงตามที่เคยคิด และต้องการทำ พอกลับมาก็จัดทำโครงการตุ๊กตาบาร์บี้ขึ้น โดยไปออกแบบดีไซน์ และผลิตที่ญี่ปุ่น กระทั่งตุ๊กตาบาร์บี้ได้ถือกำเนิดขึ้น และเปิดตัวให้รู้จักอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1959 ในงานแสดงของเล่นที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันตุ๊กตาบาร์บี้ได้รับความนิยมจากเด็กผู้หญิงทั่วโลก และพัฒนารูปแบบและหน้าตามากมายนับพันแบบ

ปัญหาผู้หญิง ... ที่ผู้หญิงต้องช่วยกัน
ปัญหาเฉพาะเรื่องที่ผู้หญิงจะเป็นผู้เข้าใจ และพร้อมจะช่วยกันคิด ช่วยกันพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในการดูแลผู้หญิงด้วยกัน ดังเช่น ปัญหาภาวะตั้งครรภ์ขณะที่ไม่มีความพร้อม ทำให้ผู้หญิงที่ชื่อว่า แคทเธอรีน เดกซ์เทอร์ คิดค้นวิธีคุมกำเนิด โดยพัฒนายาคุมกำเนิดเป็นครั้งแรก และต่อมา นางแมรี่แอน ลีเบอร์ ก็ได้ประดิษฐ์ถุงยางอนามัยผู้หญิงเพื่อคุมกำเนิดภายนอกอีกด้วย
ประจำเดือนที่ผู้หญิงต้องมีนัดตกไข่กันทุกเดือน เมื่อก่อนการใช้วัสดุดูดซับประจำเดือนจะไม่สะดวก เพราะบางพื้นที่จะใช้ผ้าฝ้าย บางพื้นที่ใช้แผ่นหนังดูดซับ ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พยาบาลสาวชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่งสังเกตเห็นว่าการดูดซับเลือดของเส้นใยประเภทต่างๆ มีความแตกต่างกัน จึงได้พัฒนาแผ่นผ้าอนามัยที่ชื่อว่า โกเท็กซ์ ซึ่งสามารถดูดซับได้ดีมาก ผ้าอนามัยจึงกำเนิดขึ้นในยุคนี้ และพัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
แม้ธรรมชาติไม่ได้สร้างให้ผู้หญิงเป็นเพศที่ทรงพลัง และมีสรีระแข็งแกร่งเท่ากับผู้ชาย แต่ความอ่อนโยน ช่างคิด ช่างสังเกตของสตรีเพศ ก็ช่วยสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน และสร้างมูลค่าทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจได้มหาศาล

ผู้เขียน : ฤทัย จงสฤษดิ์
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

Wednesday, December 03, 2008

โครงการทุนการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์

ขอเชิญทุกท่านร่วมแบ่งปันโอกาสทางการศึกษา ให้กับเด็กผู้ยากไร้ ผ่านโครงการทุนการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์ ด้วยการมองดูรอบๆ บ้าน ทั้งในห้องนอน ห้องครัว ตู้เสื้อผ้า และที่อื่นๆ ว่ามีส่งใดบ้างที่ท่านไม่ใช้ประโยชน์แล้ว "แต่จะทิ้งก็เสียดาย จะเก็บไว้ก็รกบ้าน"

มาร่วมบริจาคให้แก่ร้านปันกัน เพื่อจำหน่าย "รายได้ทุกบาททุกสตางค์จะเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนทุนผู้ขาดแคลน"
......................................

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
กรุณาติดต่อ คุณสุธาสินี ศุภศิริสินธุ์ โทร.02-301 1096 หรือ 02-746 0448


Tuesday, December 02, 2008

รถเสียช่วยฟรี กด 1137

ผู้ใช้รถ หรือผู้ที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว จะไปบอกต่อกันก็ได้ ช่วยกันบอกต่อๆ ไปด้วยว่า "... รถเสียช่วยฟรี กด 1137 ..."

ชาวกรุงซึ้งน้ำใจ รถเสียช่วยฟรี 24 ชม. รถเสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด 1137 เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ตามโครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือสังคม" ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง เผยคนยังเรียกใช้น้อย เพราะส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน ขณะที่ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น เสียสละต่อผู้อื่นน้อยลง และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่ง แม้จะไม่มากนัก แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน อย่างกลุ่มคนในโครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง" นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง" กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ว่า เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลากลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา โดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิงทรัพย์ รวมไปถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจร แล้วน่าเป็นห่วง นอกจากนี้จากการสำรวจดูยังพบว่า มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้านและไม่มีใครดูแล จึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร . เพื่อหาทางแก้ไข ให้ประชาชนมีที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดีอยู่อีกจำนวนมาก

บทสรุปที่ได้คือ ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้บริการ โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริมาร่วมด้วยช่วยกัน ปรากฏว่าเจ้าของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ จึงกำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ออกให้บริการต้องติดบัตร ใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก "บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่าตอบแทน 1 ปี ถึงขณะนี้การช่วยเหลือยังน้อยอยู่ เดือนหนึ่งประมาณ 50-60 ราย เฉลี่ยวันละ 4-5 ราย แต่ในช่วงคืนฝนตกจะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10 ราย"

ผู้ริเริ่มโครงการนี้ กล่าวและยอมรับว่า โครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง" ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนยังไม่ทราบว่ามีโครงการนี้ หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้บริการมากกว่านี้ และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น "ถ้าผู้ใช้รถไม่ฟัง จส. 100 จะไม่รู้ว่ามีโครงการนี้ อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือจริงหรือเปล่า จะหวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้น เราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือออกไป เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าใช้งบไว้ 4 ล้านบาท แต่ทำจริงๆ ใช้เงินเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น"

นายกฤตวิทย์ กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากรถเสีย กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่ 1137

Friday, November 28, 2008

ชาวไทยกว่า 3 ล้านคนร่วมลงนามในโครงการ “Say NO To Violence Against Women (NOVAW)”

พระองค์ภาฯ ประทาน'กว่า3ล้านรายชื่อ' ร่วมยุติความรุนแรงฯ

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาประทานกว่า 3 ล้านรายชื่อ ยุติความรุนแรงแก่ยูนิเฟม ถือว่ามากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก ทรงมุ่งยกระดับเรื่องยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี เป็นวาระแห่งชาติ รับสั่งต้องดึงกลุ่มผู้ชาย สื่อ องค์กรศาสนา เข้าร่วม เพราะเป็นซอฟต์แวร์สำคัญในการขับเคลื่อน สังคม ปลูกฝังค่านิยมตั้งแต่เด็กว่าการกระทำรุนแรงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ

ที่ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เวลา 09.45 น. วันที่ 22 พ.ย. พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ในฐานะทรงเป็นทูตสันถวไมตรีโครงการ “Say No to Violence against Women” ในประเทศไทย เสด็จเป็นประธานในพิธีประทานรายชื่อผู้ร่วมรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง โดยประทานรายชื่อผู้ร่วมยุติความรุนแรงจำนวน 3,123,679 รายชื่อ แก่ ดร.จีน เดอคูน่า ผอ. สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ กองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเฟม) ซึ่งถือว่าเป็นประเทศที่รวบรวมรายชื่อได้มากที่สุดในโลก

ในการนี้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงมีพระดำรัสความว่า รายชื่อของทุกท่านเป็นเสียงสะท้อนจากประเทศไทยว่าเราจะไม่ปล่อยให้เกิดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิง จะร่วมมือกันปฏิบัติตามพันธะระหว่างประเทศที่จะส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ และยุติความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็กหญิง การจะบรรลุเป้าหมายได้ต้องอาศัยการรณรงค์อย่างต่อเนื่องเป็นระบบและจริงจัง ดึงกลุ่มบุคคลที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายดั้งเดิม ได้แก่ ผู้ชาย เครือข่ายของผู้ชาย สื่อมวลชนและกลุ่มองค์กรทางศาสนา ซึ่งจะเป็นกุญแจนำไปสู่อนาคต และมีบทบาทสำคัญในการปรับเปลี่ยนความคิดและทัศนคติ สิ่งเหล่านี้เป็นซอฟต์แวร์ที่ขับเคลื่อนสังคม ลดช่องว่างระหว่างนโยบาย กรอบกฎหมายไปปฏิบัติโดยคำนึงถึงความละเอียดอ่อนต่อความแตกต่างระหว่างเพศ การยุติความรุนแรงมีความจำเป็นยิ่งที่จะต้องปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องตั้งแต่เยาว์วัย ต้องส่งเสริมว่าการกระทำรุนแรงเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการพัฒนาบุคคล สังคมและประเทศชาติ ทั้งนี้จะระดมและประสานพลังจากภาคีสำคัญรวมทั้งจากโครงการ “กำลังใจ” ที่ทรงริเริ่มขึ้น เพื่อยกระดับประเด็นยุติความรุนแรงฯให้เป็นประเด็นสำคัญในวาระแห่งชาติ

ทั้งนี้ ดร.จีน เดอคูน่า กล่าวว่า หลังจากที่พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงรับเป็นทูตสันถวไมตรี ทำให้ประชาชนตระหนักถึงปัญหานี้มากขึ้น และร่วมลงชื่อยุติความรุนแรงซึ่งรวมได้กว่า 3 ล้านชื่อถือว่ามากที่สุดในโลก แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ตระหนักถึงปัญหาสิทธิสตรีมากที่สุด อันจะเป็นการกระตุ้นต่อประเทศอื่น ๆ ให้หันมาสนใจต่อสิทธิสตรีและยุติการใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ยูนิเฟมจะนำรายชื่อทั้งหมดมอบให้กับนายบัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ ในวันที่ 25 พ.ย. ซึ่งเป็นวันสากลแห่งการยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง.

ข้อมูลจากเดลินิวส์

Over 3 million Thai people join UNIFEM Say NO to Violence Against Women Campaign,HRH Princess Bajrakitiyabha, UNIFEM Goodwill Ambassador, hands over names to the UN.

Date: 22 November 2008
Bangkok – More than three million Thai people from across the country and walks of life joined UNIFEM Say NO to Violence Against Women campaign – the highest number of supporters from a single country for this global advocacy effort.
Her Royal Highness Princess Bajrakitiyabha, who accepted UNIFEM Goodwill Ambassadorship and signed on to the Say NO to campaign on 5 September 2008, has played an instrumental role in rallying Thais to the cause. More than three million Thai people – school children, students, farmers, men and women in the grassroots – have since joined HRH Princess Bajrakitiyabha in saying NO to violence against women. Names have been collected via
http://www.novaw.or.th/ and through postcards and signature books distributed nationwide with the help Thai government agencies and the private sector.

At a ceremony today attended by 1,500 Thai government officials and dignitaries, HRH Princess Bajrakitiyabha hands over 3,123,679 signatures to UNIFEM Regional Programme Director Jean D’Cunha. UNIFEM will give these signatures along with those from the rest of the world to UN Secretary-General Ban Ki-moon on 25 November, the International Day for the Elimination of Violence Against Women.
UNIFEM Executive Director Ines Alberdi said: “I would like to thank Your Royal Highness and the Thai people for making this strong first step that strengthens the United Nations’ multi-year campaign. With such magnitude of support, we can move forth to act with conviction.”

The momentum started by public awareness advocacy surrounding UNIFEM Say NO to Violence Against Women campaign in Thailand will be sustained. A network of agencies and entities that helped mobilise signatures has committed to accelerating actions to end violence against women, under the leadership of the Goodwill Ambassador.

The UNIFEM Say NO to Violence Against Women ceremony was followed immediately by a national conference on finding innovative solutions, one year after the promulgation of the law on domestic violence in Thailand.
Along with handover of signature, UNIFEM launches its anti-violence programme in Thailand. Working with Thai schools, the programme aims to work with youth to end violence against women.

“The public awareness and support for the campaign in Thailand help make UNIFEM’s overall advocacy a resounding success. We are grateful to HRH Princess Bajrakitiyabha, our Goodwill Ambassador. This three-million-strong constituency provides us with the springboard for more substantive work to end violence against women,” said UNIFEM Regional Programme Director Jean D’Cunha. [Of some four million names from East and Southeast Asia, 3,123,679 are from Thailand; 911,685 from Vietnam; 205,000 from China and nearly 30,000 from East Timor, Cambodia, Philippines and Indonesia.]

Media Inquiries:
Supapohn KanwerayotinCommunications OfficerUNIFEM East and Southeast Asia Regional Office, Bangkok Supapohn.kanwerayotin[at]unifem.org

more information :
www.unifem-eseasia.org

Friday, November 21, 2008

เพิ่มสีสันให้ห้องสวย

หลังจากที่อยู่บ้านหลังนี้มาได้ 2 ปี กว่าๆ มองไปมองมาเห็นรอยเปื้อนบนผนังที่เกิดจากบรรดาสารพัดช่างที่ให้เข้ามาซ่อมแซม ต่อเติม นู่น นี่ นั่น แล้วทิ้งรอยมือไว้ให้เราเป็นที่ระลึก ก็อยากทาสีใหม่ให้สะอาดเอี่ยมอ่องเป็นกำลัง
ถ้าจ้างช่างมาทาสีให้ก็คงต้องเสียอีกหลายตังค์ คิดๆ ดูแล้วเรื่องทาสีนี่ก็ไม่น่ายากนะ ลองหาข้อมูลในอินเทอร์เนตก็เจอข้อแนะนำดีๆ จาก www.homeandi.com ทำให้ฉันมั่นใจว่าสามารถทาสีผนังบ้านได้เองแน่ๆ

งานทาสีภายในขั้นตอนที่ยุ่งยากที่สุดก็คือการเตรียมพร้อมก่อนที่จะทา การอุดรอยแตกที่ผนัง การทำให้ผนังราบเรียบพร้อมที่จะทาสี แต่เมื่อพร้อมแล้วการลงมือทาก็ไม่ยากเย็นนัก อาศัยความปราณีต ละเอียดอ่อนเสียหน่อย จะช้าอยู่ใย ไปเตรียมสี แปรงและลูกกลิ้งเพื่อสร้างสีสันสดใสให้ห้องอีกครั้ง
1. การทาสีด้วยลูกกลิ้งนั้นมีเคล็ดลับบางอย่าง นั่นคือให้จุ่มลูกกลิ้งลงในถาดสีให้ชุ่ม จากนั้นให้ลองกลิ้งไปกลิ้งมาในถาดสีนั้น วิธีนี้จะเป็นการทำให้สีกระจายสม่ำเสมอทั่วลูกกลิ้ง เพื่อที่เมื่อคุณทาผนังแล้วจะได้สีที่มีความหนาสม่ำเสมอ

2. เริ่มต้นการละเลงสีที่ผนัง ให้คุณกลิ้งสีไปมาในแนวทแยง ๆ หรือซิกแซก




3. จากนั้นก็ให้ทาแนวขึ้น-ลงทับสีที่ทาไว้ก่อนหน้านี้ให้เรียบร้อย


4. สำหรับบริเวณที่ไม่มีประตูหรือหน้าต่าง อาจจะแบ่งทาเป็นพื้นที่ ๆ ไปสัก 4 ฟุต x 4ฟุต แล้วทาเชื่อมแต่ละส่วนก่อนที่ขอบจะแห้ง โดยเริ่มจากการทาขึ้น-ลง แล้วก็ทาขวางและปิดท้ายด้วยทาขึ้น-ลงอีกครั้ง




5. การทาสีที่ขอบมุมของงานไม้ (เช่น กรอบหน้าต่าง) ด้วยแปรงนั้น อย่าลืมกันบริเวณใกล้ ๆ ที่คุณไม่ได้คิดที่จะทาสีไว้ด้วย ก็เช่น พวกบานกระจกหน้าต่างนั่นไงล่ะ ใช้กระดาษกาวติดไว้ตรงขอบของบริเวณที่คุณจะทา เมื่อทาสีเสร็จค่อยแกะเทปกาวนี้ออกขณะที่สียังเปียกอยู่



6. การทาสีบริเวณขอบ ๆ กรอบหน้าต่างโดยไม่ไปกินแดนบริเวณที่ไม่ต้องการทานั้น ลองวาดเส้นแนวที่ต้องการทาดูก่อน ทาตามลายของไม้ ค่อย ๆ ทาให้สม่ำเสมอจนเสร็จ




7. เรียนรู้เคล็ดลับต่าง ๆ แล้วก็มาลงมือทำจริง ๆ จัง ๆ เสียที ก็เหมือนหลักการทั่ว ๆ ไปนะที่ต้องเริ่มจากบนลงมาข้างล่าง นั่นก็คือเริ่มมาจากเพดานเลย (ในกรณีที่คุณคิดจะทาสีเพดานด้วย) ให้เริ่มทาสีเพดานจากขอบ ๆ ที่ติดกับผนังก่อนด้วยแปรง ทาออกมาสัก 2-3 นิ้วจากนั้นก็เก็บที่เหลือด้วยลูกกลิ้ง




8. วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทาสีเพดานคือการใช้ลูกกลิ้งต่อไม้ให้ยาว ๆ ให้เพียงพอที่คุณจะทาสีเพดานได้ เริ่มจากบริเวณมุม ๆ ของห้องก่อน โดยทาตามแนวด้านแคบของห้องไปจนเสร็จ


9. รอจนเพดานแห้ง คราวนี้ก็ได้เวลาของผนังห้องแล้ว ใช้แปรงทาจากขอบ ๆ ก่อน ก็บริเวณที่ติดกับเพดานและก็กรอบประตู กรอบหน้าต่างนั่นแหละ






10. ใช้ลูกกลิ้งอันเก่งทาสีให้ทั่วจากเพดานลงมาข้างล่าง





11. เมื่อผนังแห้งแล้ว ก็เริ่มทากรอบหน้าต่างได้เลย โดยเริ่มจากแถบไม้ขวางและเดือยไม้รางขวางด้านบนและล่างก่อน จากนั้นจึงทาวงกบและขอบพับ วงกบที่ปิดเข้ากรอบและกรอบด้านนอก






12. ส่วนประตูนั้นถ้าเป็นแบบประตูลูกฟักให้เริ่มจากทาตามช่องสี่เหลี่ยมก่อน จากนั้นจึงไล่ทามาที่แถบไม้ขวางและดิ่งจากบนลงล่าง ปิดท้ายด้วยการทาบริเวณกรอบของประตูให้เรียบร้อย




13. ถ้าประตูของคุณเป็นบานเรียบก็ใช้ลูกกลิ้งทาสีได้เลยตามแนวบน-ล่าง
แค่นี้ห้องของคุณก็สวยงามด้วยสีสันตามแต่ใจของคุณต้องการแล้ว


Tuesday, November 11, 2008

" หนึ่งเสียงของท่าน ช่วยยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง "
กองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Fund for Woman : UNIFEM) ดำเนินโครงการ “Say NO To Violence Against Women (NOVAW)” เพื่อเชิญชวนคนไทยลงชื่อสนับสนุนยุติความรุนแรงและล่วงละเมิดลงบนแผ่นโปสการ์ด โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภาทรงลงพระนามในโปสการ์ด เพื่อเป็น ๑ เสียงที่ร่วมต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง และทรงประทานโปสการ์ดให้กับตัวแทนจากส่วนราชการ รวมถึงองค์กรภาครัฐและเอกชน มูลนิธิต่างๆ เพื่อรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง ซึ่งทุกท่านร่วมลงทะเบียนรายชื่อผ่านเว็บไซต์ www.novaw.or.th หรือ www.saynotoviolence.org

ปัจจุบัน ๑ ใน ๓ ของเด็กและสตรีโดนทำทารุณกรรม โดยการทุบตี ล่อลวงหรือล่วงละเมิด
ซึ่งเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง
ยิ่งไปกว่านี้ เหยื่อผู้ถูกกระทำส่วนใหญ่ไม่ได้ดำเนินการเอาเรื่องกับผู้กระทำ เนื่องจากหวาดกลัวการถูกซ้ำเติม และเกรงสังคมจะตราหน้าให้อับอาย


ขอเชิญร่วมลงชื่อเพื่อแสดงจุดยืนในการสนับสนุนการยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี และร่วมรณรงค์ให้วาระนี้เป็นวาระเร่งด่วนของประชาคมโลก


โดยในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นวันสากลแห่งการยุติความรุนแรงต่อสตรี กองทุนการพัฒนาเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติหรือยูนิเฟม จะมอบลายเซ็นต์ของท่านให้เลขาธิการสหประชาชาติบัน คี-มุน
อันเป็นการแสดงถึงพลังอันยิ่งใหญ่ของทุกท่านในการต่อต้านความรุนแรง

โปรดร่วมกันลงนาม เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึง พลังอันยิ่งใหญ่ของคนไทยซึ่งนอกจากจะเป็น การร่วมกันต่อต้าน การใช้ความรุนแรงต่อสตรี แล้ว ยังจะเป็นการสร้าง ชื่อเสียง เกียรติภูมิ และศักดิ์ศรี ให้กับประเทศไทย อีกส่วนหนึ่งด้วย

"หนึ่งเสียงของท่านช่วยยุติความรุนแรงต่อผู้หญิง"


ผู้หญิงสวย...ฉลาด...เลือกได้มากกว่า

ความจริงอย่างหนึ่งที่ทุกคนไม่อาจปฏิเสธได้ก็คือ "ผู้หญิงทุกคนอยากสวย" คนที่ขี้เหร่ก็อยากสวย คนที่สวยอยู่แล้วก็อยากสวยมากขึ้นอีก คนที่สวยมากอยู่แล้วก็ไม่อยากให้ความสวยหมดไป ความสวยความงามเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงพอๆ กับเรื่องปากท้อง หรืออาจจะสำคัญกว่าด้วยซ้ำไป

มีสินค้าและบริการมากมายหลายอย่างที่ตอบสนองความต้องการของคุณผู้หญิงทั้งหลาย คุณผู้หญิงหลายคนจึงสามารถสวยได้มากได้น้อยตามความปรารถนาและตามกำลังทรัพย์ของตน แต่มีสิ่งหนึ่งที่อยากให้ผู้หญิงทุกคนคำนึงถึงคือ คุณสมบัติอีกอย่างที่มีคุณค่าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความสวยที่ผู้หญิงเราควรมีไว้ในครอบครองนั้นคือ "ความฉลาด"

เมื่อเราเป็นคนสวย เราก็อย่าให้ใครมาว่าเราได้ว่า "สวยแต่โง่" เราบริหารร่างกายเพื่อให้มีรูปร่างสวยงาม เราก็ต้องบริหารสมองเพื่อให้เราฉลาดด้วยเช่นกัน

ฉันเป็นคนหนึ่งที่เห็นด้วยว่า "ผู้หญิงอย่าหยุดสวย" และเราต้องฉลาดด้วยนะคะ ฉันอยากให้พวกเรามาบริหารสมองด้วยกันอย่างสม่ำเสมอ

ฉันหวังว่าบล็อคนี้จะเป็นที่เผยแพร่และแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดเห็น เพื่อเป็นอาหารสมองให้กับผู้หญิงหลายๆ คน ให้เราได้บำรุงสมองด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์และบริหารสมองให้เฉลียวฉลาด เพิ่มเสน่ห์ ดึงดูดใจผู้อื่นให้ตัวเองได้อีกมากเลยเชียว


 
Tree Hearts Blogger Template