Tuesday, December 09, 2008

นวัตกรรมของผู้หญิง กับการเปลี่ยนโลก

ผู้หญิง หลายๆ คนอาจนึกถึงผู้หญิงที่มีความอบอุ่น ความอ่อนโยนของเพศแม่ที่คอยเฝ้าประคบประหงมให้น้ำนมและดูแลเลี้ยงดูลูกน้อย แต่ขณะเดียวกัน ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยก็เป็นผู้สร้างนวัตกรรมสิ่งใหม่ๆ จากการรู้จักสังเกต การแก้ปัญหา และดัดแปลงขึ้นมา ส่งผลให้โลกเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น

ย้อนรอยเส้นทางสายไหมจากราชินีผู้ช่างสังเกต
ผู้หญิง เป็นเพศที่ช่างสังเกตในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่อยู่รอบตัว และสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทั้งความช่างคิด ช่างสังเกต ทำให้เปลี่ยนโลกได้ ดังเช่น พระมเหสีเมืองจีนที่มีสิริโฉมงดงาม และมีพระสติปัญญาแหลมคม ด้วยทรงคิดค้นการประดิษฐ์ผ้าไหม จนตราบเท่าทุกวันนี้ ผ้าไหมยังได้รับความนิยมเสมอมา และเป็นสินค้าส่งออกของหลายประเทศ
จากประวัติศาสตร์จีนที่บันทึกไว้ว่า เมื่อราว 5,000 ปีที่แล้ว พระนางง่วนฮุย พระมเหสีเมืองจีนได้เสด็จออกชมสวน และสังเกตวามีตัวหนอนหลายตัวที่เกาะอยู่บนต้นหม่อนกำลังชักใยพันรอบตัว พระนางจึงดึงเส้นใยออกมา ทรงพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นเส้นใยคุณภาพดีที่มีความเหนียว และประกายเงางดงาม จึงทรงเลี้ยงตัวหนอนไหม และนำเส้นใยมาถักทอเป็นผืน
ผ้าไหมดังกล่าว เป็นที่เลื่องลือถึงความงดงาม และไม่มีใครทราบถึงที่มาของผ้าผืนดังกล่าวว่ามีเส้นใยมาจากอะไร และถักทออย่างไร ความลับของการทอผ้าไหมถูกเก็บนานหลายร้อยปีกว่าจะแพร่กระจายสู่นานาประเทศ พระมเหสีง่วนฮุยทรงได้รับฉายาว่า นางพญาแห่งหัตถกรรมไหม

ปฏิวัติชุดชั้นใน ... จากนักธุรกิจสาวหัวใส
ใครจะเข้าใจผู้หญิงได้ดีเท่าผู้หญิง พิสูจน์ได้จากวิวัฒนาการของชุดชั้นในสตรีของประเทศในแถบตะวันตกเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว ที่มีความยุ่งยาก และไม่สะดวกในการสวมใส่ ต้องประกอบไปด้วยเครื่องยกทรง เครื่องรัดเอวและสะโพก เครื่องรัดทรง สายโยงกางเกง ซึ่งยุ่งยากมาก แต่ในปี ค.ศ. 1920 ชุดชั้นในผู้หญิงได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อนักธุรกิจสาว 2 คนที่ทำธุรกิจเสื้อผ้าชื่อว่า ไอดา โรเซนธาล และเอนิด บิสเซต ได้สร้างยกทรงโดยการออกแบบที่คำนึงถึงโครงสร้างอย่างป็นธรรมชาติของมนุษย์ และความสะดวกสบาย จึงได้ชุดชั้นในที่สวมใส่สบาย และเหมาะกับผู้หญิงอย่างแท้จริง มีความสวยงาม และไม่แบนเรียบ เหมาะกับสรีระของผู้หญิง


รักนี้ไม่เปียกจากแม่บ้าน ผู้รู้จักดัดแปลง
สมัยก่อน คุณแม่จะใช้ผ้าฝ่าย หรือผ้าลินินพับเป็นผ้าอ้อมให้เด็ก ซึ่งไม่ค่อยสะดวกสบาย เมื่อลูกน้อยปัสสาวะก็ต้องเปลี่ยนบ่อยๆ แต่ในปี ค.ศ. 1946 มีแม่บ้านชาวอเมริกันนามว่า มาเรียน โดโนแวน ได้คิดค้น และประดิษฐ์สิ่งที่เธอเรียกว่า "โบทเตอร์" (Boater) โดยการดัดแผ่นพลาสติกจากม่านห้องน้ำมาเย็บคลุมผ้าอ้อมผ้า ทำให้ผ้าอ้อมมีสมบัติในการกันน้ำได้ และในการตรึงผ้าอ้อมให้อยู่กับตัวเด็ก เธอก็ได้ทำเป็นกระดุมติดแทนการใช้เข็มกลัดแบบเดิม เธอได้จดสิทธิบัตรเกี่ยวกับการทำผ้าอ้อมกันน้ำนี้ไว้ถึง 4 ฉบับ และต่อมาได้มีการพัฒนาเป็นผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่สามารถดูดซับของเหลวได้ปริมาณมาก และไม่ชื้นแฉะ ถูกใจทั้งคุณพ่อคุณแม่ และลูกน้อย ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจึงเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลก

คิดค้นน้ำยาป้ายคำผิด ... อย่างเลขาฯ มืออาชีพ
เรื่องนี้ได้สอนว่า ปัญหาได้นำมาซึ่งนวัตกรรมใหม่ๆ หากรู้จักแก้ไขดัดแปลง เช่น นางเบ็ต เนสมิธ เกรแฮม เลขานุการที่ได้รับมอบหมายให้พิมพ์งานตลอดเวลา และเวลาที่เธอต้องเจอกับปัญหาการพิมพ์ผิด แม้ใช้ยางลบดินสอเป็นตัวช่วยลบแล้ว แต่ก็ล่าช้าและไม่เรียบร้อย จึงต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่บ่อยๆ เธอจึงหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยการประดิษฐ์น้ำยาลบคำผิดขึ้นมา จนกระทั่งในปี 1950 เธอก็ค้นพบวิธีทำน้ำยาลบหมึกแบบง่าย เพียงใช้สีน้ำสีขาวบรรจุลงไปในขวดน้ำยาทาเล็บ แล้วใช้พู่กันป้ายสีขาวลงบนกระดาษ แค่นี้คำที่ผิดก็ลบไป และพิมพ์ซ้ำทับได้แนบเนียน ทำให้ใช้งานได้สะดวกรวดเร็ว และแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือจุดกำเนิดน้ำยาป้ายคำผิด "ลิควิด เปเปอร์"
มีการบอกต่อถึงสรรพคุณของน้ำยาป้ายคำผิดจนเป็นที่ต้องการของหลายคน นางเกรแฮมจึงผลิตออกจำหน่ายด้วยการผสมสีขาวลงในเครื่องปั่นน้ำยาก่อนกรอกใส่ขวดยาทาเล็บ เมื่อแรกเริ่มยังเป็นเพียงอุตสาหกรรมในครอบครัว แต่เมื่อพบว่าเป็นที่นิยมชมชอบมาก จึงขยายกิจการน้ำยาป้ายคำผิดออกจำหน่ายไปทั่วโลก และต่อมาเธอได้ขายกิจการดังกล่าวให้บริษัท ยิลเล็ต (Gillette) ในที่สุด

กำเนิดตุ๊กตาบาร์บี้ ... แม่ผู้สร้างสรรค์เพื่อลูก
ความรักและเอาใจใส่ในบุคคลรอบข้าง ทำให้ผู้หญิงมีไอเดียอยากจะพัฒนาสิ่งใหม่ให้ดีกว่าเดิม ดังเห็นได้จาก นางรูธ แฮนด์เลอร์ ได้สังเกตเห็นว่า ลูกสาวของตนที่ชื่อ บาร์บาร่า นั่งเล่นตุ๊กตากระดาษ จึงมีความคิดสร้างสรรค์ที่จะพัฒนาตุ๊กตาทรง 3 มิติที่เปลี่ยนชุดได้ตามที่ลูกต้องการขึ้นมา จนกระทั่งคุณแม่ชาวอเมริกาผู้นี้ได้มีโอกาสเดินทางไปพักผ่อนที่สวิตเซอร์แลนด์ และไปเห็นตุ๊กตาตัวหนึ่งที่มีชื่อว่า ลิลลี่ มีลักษณะเป็นรูปทรง 3 มิติ ตรงตามที่เคยคิด และต้องการทำ พอกลับมาก็จัดทำโครงการตุ๊กตาบาร์บี้ขึ้น โดยไปออกแบบดีไซน์ และผลิตที่ญี่ปุ่น กระทั่งตุ๊กตาบาร์บี้ได้ถือกำเนิดขึ้น และเปิดตัวให้รู้จักอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1959 ในงานแสดงของเล่นที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันตุ๊กตาบาร์บี้ได้รับความนิยมจากเด็กผู้หญิงทั่วโลก และพัฒนารูปแบบและหน้าตามากมายนับพันแบบ

ปัญหาผู้หญิง ... ที่ผู้หญิงต้องช่วยกัน
ปัญหาเฉพาะเรื่องที่ผู้หญิงจะเป็นผู้เข้าใจ และพร้อมจะช่วยกันคิด ช่วยกันพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในการดูแลผู้หญิงด้วยกัน ดังเช่น ปัญหาภาวะตั้งครรภ์ขณะที่ไม่มีความพร้อม ทำให้ผู้หญิงที่ชื่อว่า แคทเธอรีน เดกซ์เทอร์ คิดค้นวิธีคุมกำเนิด โดยพัฒนายาคุมกำเนิดเป็นครั้งแรก และต่อมา นางแมรี่แอน ลีเบอร์ ก็ได้ประดิษฐ์ถุงยางอนามัยผู้หญิงเพื่อคุมกำเนิดภายนอกอีกด้วย
ประจำเดือนที่ผู้หญิงต้องมีนัดตกไข่กันทุกเดือน เมื่อก่อนการใช้วัสดุดูดซับประจำเดือนจะไม่สะดวก เพราะบางพื้นที่จะใช้ผ้าฝ้าย บางพื้นที่ใช้แผ่นหนังดูดซับ ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พยาบาลสาวชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่งสังเกตเห็นว่าการดูดซับเลือดของเส้นใยประเภทต่างๆ มีความแตกต่างกัน จึงได้พัฒนาแผ่นผ้าอนามัยที่ชื่อว่า โกเท็กซ์ ซึ่งสามารถดูดซับได้ดีมาก ผ้าอนามัยจึงกำเนิดขึ้นในยุคนี้ และพัฒนาประสิทธิภาพให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
แม้ธรรมชาติไม่ได้สร้างให้ผู้หญิงเป็นเพศที่ทรงพลัง และมีสรีระแข็งแกร่งเท่ากับผู้ชาย แต่ความอ่อนโยน ช่างคิด ช่างสังเกตของสตรีเพศ ก็ช่วยสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในชีวิตประจำวัน และสร้างมูลค่าทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจได้มหาศาล

ผู้เขียน : ฤทัย จงสฤษดิ์
สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ

Wednesday, December 03, 2008

โครงการทุนการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์

ขอเชิญทุกท่านร่วมแบ่งปันโอกาสทางการศึกษา ให้กับเด็กผู้ยากไร้ ผ่านโครงการทุนการศึกษา มูลนิธิยุวพัฒน์ ด้วยการมองดูรอบๆ บ้าน ทั้งในห้องนอน ห้องครัว ตู้เสื้อผ้า และที่อื่นๆ ว่ามีส่งใดบ้างที่ท่านไม่ใช้ประโยชน์แล้ว "แต่จะทิ้งก็เสียดาย จะเก็บไว้ก็รกบ้าน"

มาร่วมบริจาคให้แก่ร้านปันกัน เพื่อจำหน่าย "รายได้ทุกบาททุกสตางค์จะเป็นทุนการศึกษาให้กับนักเรียนทุนผู้ขาดแคลน"
......................................

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
กรุณาติดต่อ คุณสุธาสินี ศุภศิริสินธุ์ โทร.02-301 1096 หรือ 02-746 0448


Tuesday, December 02, 2008

รถเสียช่วยฟรี กด 1137

ผู้ใช้รถ หรือผู้ที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัว จะไปบอกต่อกันก็ได้ ช่วยกันบอกต่อๆ ไปด้วยว่า "... รถเสียช่วยฟรี กด 1137 ..."

ชาวกรุงซึ้งน้ำใจ รถเสียช่วยฟรี 24 ชม. รถเสียกลางกรุงไม่ต้องตกใจ กด 1137 เรียกใช้บริการช่างซ่อมอาสาได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ตามโครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือสังคม" ช่วยป้องกันทั้งโจรในคราบพลเมืองดีและภัยสุภาพสตรีที่รถเกิดเสียกลางทาง เผยคนยังเรียกใช้น้อย เพราะส่วนใหญ่ยังไม่รู้จัก วอนรัฐช่วยส่งเสริมสนับสนุน ขณะที่ผู้คนในสังคมต่างดิ้นรนเอาตัวรอด ส่งผลให้ผู้คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น เสียสละต่อผู้อื่นน้อยลง และไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของคนอื่น แต่ก็ยังมีผู้คนจำนวนหนึ่ง แม้จะไม่มากนัก แต่ก็พร้อมจะทำงานที่เสียสละช่วยเหลือคนอื่น โดยไม่มุ่งหวังสิ่งตอบแทน อย่างกลุ่มคนในโครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง" นายกฤตวิทย์ ศรีพสุธา เจ้าของโครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง" กล่าวถึงที่มาโครงการนี้ว่า เห็นข่าวผู้หญิงรถเสียในเวลากลางคืนและเกิดปัญหาอาชญากรรมตามมา โดยพวกมิจฉาชีพคอยทำร้ายชิงทรัพย์ รวมไปถึงทำตัวเป็นพลเมืองดีในคราบโจร แล้วน่าเป็นห่วง นอกจากนี้จากการสำรวจดูยังพบว่า มีรถเก่าจอดเสียอยู่ข้างทางไกลบ้านและไม่มีใครดูแล จึงได้หารือกับ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล ผบก.จร . เพื่อหาทางแก้ไข ให้ประชาชนมีที่พึ่ง เพราะเชื่อว่าในสังคมไทยยังมีคนดีอยู่อีกจำนวนมาก

บทสรุปที่ได้คือ ให้ตำรวจแต่ละท้องที่จัดหาอู่ซ่อมรถ จัดซื้อรถลากรถยกไว้ให้บริการ โดยมีตำรวจโครงการพระราชดำริมาร่วมด้วยช่วยกัน ปรากฏว่าเจ้าของอู่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยไม่คิดค่าแรง และบอกว่า ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะต้องการช่วยประชาชนอยู่แล้ว แต่ไม่มีโอกาส นายกฤตวิทย์ กล่าวว่า เพื่อสร้างความเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ จึงกำหนดให้เจ้าหน้าที่ที่ออกให้บริการต้องติดบัตร ใส่ชุดฟอร์ม และไม่รับค่าตอบแทน เพราะทุกคนทำด้วยใจรัก "บริษัทได้ทำประกันอุบัติเหตุให้เป็นค่าตอบแทน 1 ปี ถึงขณะนี้การช่วยเหลือยังน้อยอยู่ เดือนหนึ่งประมาณ 50-60 ราย เฉลี่ยวันละ 4-5 ราย แต่ในช่วงคืนฝนตกจะมีคนเรียกใช้มากถึงวันละ 10 ราย"

ผู้ริเริ่มโครงการนี้ กล่าวและยอมรับว่า โครงการ "ปันน้ำใจช่วยเหลือรถจอดเสียกลางทาง" ยังไม่เป็นที่แพร่หลาย เนื่องจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนยังไม่ทราบว่ามีโครงการนี้ หากมีการประชาสัมพันธ์มากกว่าที่เป็นอยู่ เชื่อว่าจะมีคนที่เดือดร้อนขอใช้บริการมากกว่านี้ และน่าจะมีอู่ซ่อมรถยนต์มาร่วมช่วยเหลือมากขึ้น "ถ้าผู้ใช้รถไม่ฟัง จส. 100 จะไม่รู้ว่ามีโครงการนี้ อย่างไรก็ดี ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่เชื่อใจว่าจะช่วยเหลือจริงหรือเปล่า จะหวังอะไรหรือไม่ ถ้าทำอย่างโปร่งใส คนจะเชื่อใจและใช้บริการมากขึ้น เราก็พร้อมจะขยายขอบข่ายการช่วยเหลือออกไป เพราะโครงการนี้ตั้งเป้าใช้งบไว้ 4 ล้านบาท แต่ทำจริงๆ ใช้เงินเพียง 1.69 ล้านบาทเท่านั้น"

นายกฤตวิทย์ กล่าวและย้ำว่า คนที่ต้องการความช่วยเหลือจากรถเสีย กดโทรศัพท์แจ้งเรื่องได้ที่ 1137
 
Tree Hearts Blogger Template